การชำระนิราศคำโคลง ๑๒ เรื่องนี้จึงเกิดขึ้นในหนังสือเล่มนั้น มีนิราศแม่นั้าน้อยอยู่เรื่องหนึ่งขึ้งหมายถึงแควน้อยเมืองกาญจน่โคลงนิราศเรื่องนี้ ไม่ปรากฏขึ้อผู้แต่ง ต้นฉบับสมุดไทระบุเพียงว่า “ศิษย์ศรีปราชญ์” แต่งใน พ.ศ. ๒๓๓๔ ตรงกับรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เครื่องไล่นกทำเอง รัชกาลที่ ๒ พระนามเดิม ฉิมท่านจันทร์ชี้เปรี้ยงเข้าให้ว่า ศรีปราชญ์และพระนารายณ์มหาราช สินไปแล้ว ๑๐๐ กว่าปี “ศิษย์ศรีปราชญ์” จึงโผล่ขึ้นมาเป็นนิราศเรื่องเดียว ซื่อคล้ายกัน ร่วมสมัยกับนิราศลำนำน้อยของพระยาตรัง และแต่งก่อนนิราศนรินทร์ถึง ๑๘ ปีสภาพภูมิศาสตร์กำหนดกวีให้ออกจากกรุงเทพฯ ข้ามเจ้าพระยาผ่าเข้าคลองบางหลวง ล่วงผ่านคลองสนามไชย
ไปสมุทรสาคร ย้อนขึ้นแม่กลอง แล้วก็ล่องถึงแควน้อยหรือแม่นํ้าน้อย“ศิษย์ศรีปราชญ์” รจนา โคลงนิราศตามเสด็จทัพตามลำน้อยไว้ ๒๐๐ บทบทที่ ๑๙๙ อหังการของกวีที่แท้จริง ในจึตที่สมถะสันโดษ ทว่าแสงหิ่งห้อยอันยิ่งใหญ่กว่าแสงพระอาทิตย์ของเชํงกวีก็ปรากฏ๏ ใดใดโอษฐโอ่อ้าง ตนดีเอาปากเป็นกระวี เครื่องไล่นกราคา ขล่อยคล้อยหากหาญแต่วาที เฉลยกล่าว ไฉนนาดุจหนึ่งแสงหิ่งห้อย ล่องก้นตนเอง ๆกุมารที่เพิ่งหัดอ่าน หัดเขียนหนังล้ออย่าง บุญมือ ชนบท อ่านแล้วก็กระอักอายโลกของเขตบางขุนเทียน อยู่ระหว่างโคลงบทที่ ๕๖ ถึง ๕๙ใครอ่านเจอะที่ไหนอีก บอกมาอีก รับชี้อรับลอกหมด ผ่านคลองบางหลวง ล่วงเข้าคลองด่านหรือคลองสนามไชย“ศิษย์ศรีปราชญ์” ก็ผงาดอย่างสงบ๏ มาพลางพลางนึกหน้า นวลลอองเรือรี่รีบตามคลอง คล'าวน้ากับถึงวัดนางนอง นามนาฏเรียมก็นองเนตรผรํ้า พรากไห้หาสมร ๆ นางนองนางนิ่มเนื้อ เสมอสาย สวาติเอยสายเนตรเรียมฤๅวาย เลือดย้อยใดนางปเห็นกราย เครื่องไล่นกพิราบ มาเกริ่น ราแม่นางใช่นางนุชน้อย พี่โอ้อาดูร ๆ๏ ถึงขุนเทียนเทียบเข้า เรียมถามเทียนแม่พอกมืองาม เล็บไล้ขุนเอยช่วยบอกความ ขวังสั่ง (ขลังหรือขรัว?)ขอบดใบเทียนให้ พอกชํ้าทรวงเรียม ๆ๏ ดลปากบางปีอบ้าน บางบอนกามระลุงทรวงฟอน ฟามแล้วเรียมแสนทุกขอาทร ทนเทวศถนัดหนึ่งกาบบอนแก้ว แยบไล้เรียมคาย ๆไม่มีเอ่ยถึงวัดหนังและวัดจอมทอง ไม่เปนไรห้วงเวลานั้น ชุมชนในนามวัดนางนองน่าจะครอบคลุมพื้นที่ได้ยิ่งใหญ่กว่า เพราะวัดจอมทองยังมิได้รับการบูรณะเป็นวัดราชโอรสวัดหนังอาจยังเป็นสวนรกเรื้อเล่ากันว่า ไล่นก ตอนพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ นามเดิม หับโปรดให้จัดงานฉลองวัดราชโอรส ๗ วัน ๗ คืน มีการลอยเรือเล่นสักรวาหน้าวัดสุนทรภู1 แอบไปเล่นด้วยพอผู้คนจำลีลาโวหารได้ ท่านก็พายเรือหนียังเน้นโรคจิตคิดข้างเดียวว่าด้องหนีราชภัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งไม่มีอ้าว ใครเอาสักรวา ๔ วรรคโนสมัยรัชกาลที่ ๖ มาแกล้งทิ้งไว้ถามหรือท้า?สักรวานมโตเท่าโถยอดขอยืมกอดสักคืนปะรืนส่งไม่ลวงส่อฉ้อฉลฉันคนตรงขอจงปลงใจเจือเชื่อลองลอง ๆ
เครื่องไล่นก